เมื่อเร็วๆมานี้ คณะครูและนักเรียนจากอเมริกาได้เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนประสาทวิทยาคาร จ.สุรินทร์
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการมาเยี่ยมครั้งนี้......นี่เป็นคำถามจาก คุณเอก สยามวาลา เหรัญญิก มูลนิธิโรเกชั่นที่มอบทุนสนับสนุนให้ข้าพเจ้าได้เรียนจนจบปริญญาตรี และได้เดินทางไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน ที่อเมริกา เมื่อปี 2549-2550
*****************************************************************************
ดร.จีน เบซมอร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เอ็น พี เอ ที่แคลิฟอร์เนีย เดินทางมาเยี่ยมเมืองไทย พร้อมด้วย นักเรียน 5 คน (แพทริค,เฮลิ,จีน่า,แอลิ,และ มาไรอัล ) มร.มาโซ ครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศส และ ลอเรน เพื่อนที่แสนดีของข้าพเจ้า
Dr. Jean Bazemore - the principal of the North Coast Preparatory and Performing Arts Academy ( NPA ) came to Thailand with 5 students ( Patrick, Heyley, Gina ,Ally and Mariah ) , a French teacher Marceau and my liaison- Lauren Sarabia
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับนักเรียนของข้าพเจ้า เพราะว่าชาวต่างชาติ -พวกเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจกรรมที่โรงเรียนของข้าพเจ้า ( 14-20 พ.ย.50) มีการเข้าค่ายภาษาอังกฤษ และเข้าสอนในห้องเรียน บรรยากาศที่โรงเรียนตอนนั้นเต็มไปด้วยการกระตือรือร้นที่อยากจะพูดกับชาวต่างชาติ และนักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาอังกฤษมากยิ่งขึ้น
It was a great time for my students because Foreigners had spent their time with my school for a week( 14 -20 Nov ) . They actived on the English Camp ( 15-17 Nov) and attended in my classroom, or other English class.My school's atmosphere was very nice - students braved to speak with foreigners and they have good attitude with English now.
ชาวต่างชาติที่มาได้พักกับครอบครัวของนักเรียน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่สัปดาห์ แต่นักเรียนก็ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชนบท..นี่มันคือประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
All of my guests stayed with my students' families . Although being host family for a week but they could learn and understand more English and culture. For student in the country side it was great experiences.....
ขอขอบคุณมูลนิธิโรเกชั่น ที่มอบโอกาส ให้กับคุณครูของพวกเขา ได้เดินทางไปอเมริกา และนำมิตรภาพและสิ่งที่ดีงามกลับมาสู่พวกเขา
Thank you the Rogatien Foundatien to gave their teacher a chance to go to America and brought some beautiful friendship back to them.
อะไร คือสิ่งที่ ดร.จีน เบซมอร์ พูดเกี่ยวกับโรงเรียนของข้าพเจ้า?
What was Dr.Jean Bazemore comments about my school?
เมื่อครั้งที่ ดร.จีน มาเยี่ยมโรงเรียนของข้าพเจ้านั้น โรงเรียนของข้าพเจ้ายังไม่มีผู้อำนวยการ ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจาก ศน.อุดม ภาสดา ศึกษานิเทศก์ภาษาอังกฤษ สุรินทร์เขต 3 มาเป็นที่ปรึกษา และคอยให้กำลังใจช่วยเหลือ แนะนำ เป็นอย่างดี
In that time my school didn't have the school director but I contacted with Mr.Udom Passada- the Surin Educatoin Zone 3 officer came to my school and helped me organized for the activities.
ดร.จีน ถามข้าพเจ้าว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนตั้ง 2,800 คน ทำไมถึงไม่มีผู้อำนวยการมาเป็น ปี ( ต.ค.49-พ.ย.50) ....ข้าพเจ้า บอกว่าโรงเรียนมี ครู 90 คน แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถ ตอบได้ว่า ทำไมโรงเรียนของข้พเจ้าจึงไม่มี ผอ. มาเป็นปี และก็คิดว่า คงมีโรงเรียนที่มีปัญหาแบบนี้อีกหลายแห่ง
Dr.Jean asked me, we have 2,800 students why we didn't have the school director for a year ( Oct 2006 - Nov 2007 ) and how many teachers???.........We have 90 teachers but I could not answer her why we have this problem??? .........I think some school still have the same problem with my school.
เพราะว่าขณะนั้น โรงเรียนของข้าพเจ้าไม่มี ผอ. ทำให้กิจกรรมบางอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก เช่น การไปร่วมพิธีเลี้ยงช้าง หรือ การเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน เพราะ จำนวนนักเรียนมี 56 คน ต่อ ห้องเรียน และทั้งโรงเรียนมี ประมาณ 58 ห้องเรียน เมื่อนักเรียนเริ่มคุ้นเคย กันแล้ว พวกเขาก็อยากคุยกับชาวต่างชาติ อยากถ่ายรูป ทำเอาพวกเขาเหนื่อยตามๆกัน ถึงแม้ว่า อากาศจะร้อน แต่มิตรภาพนั้น สวยงามยิ่งนัก.....รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่มีความสุข ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจในการต่อสุ้ ...ต่อไป
Because we didn't have the school director ,some activities didn't run smoothly for example the Elephant Beffet' Festival study tour activity .Other problem was we have 56 students in one classroom ,in my school we have 58 classrooms .After my students got familiar with foreginers they want to took pictures and had conversations with the guests. The weather was very hot but the freindship is beautiful....the smiling faces cheered me up and I hope it happen again in next year....
ดร.จีน พูดถึงการศึกษาของไทยโดยภาพรวม อย่างไรบ้าง??
what is Dr.Jean comments about education in Thailand generally?
ดร.จีน ได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียนหลายแห่ง เมื่อมาเมืองไทย โรงเรียนสตรีศึกษา ที่กรุงเทพฯ ,
โรงเรียนอนุบาล แห่งหึ่งใกล้ที่พักในกรงเทพฯ ,
โรงเรียนสิรินธร โรงเรียนประจำจังหวัดสุรินทร์ ,
โรงเรียนบ้านเกษตรถาวร โรงเรียนเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน อยู่ใกล้ตะเข็บชายแดน
และโรงเรียนประสาทวิทยาคาร โรงเรียนประจำอำเภอเล็กในต่างจังหวัด
Dr.Jean had chances to visit difference schools while she stayed in Thailand......
She visited Satree Wittaya School in Bangkok ,
Anubarn school - a small nursery near her hotel,in Bangkok
Sirindhon School- the biggest school in Surin ,
Ban Kraset Thaworn School - a primary school 10 kilosmeters from border Thai - Cambodia
and my school,PrasatWittayakarn school- a school in a small town
ทำไมมันถึงแตกต่างกันเพียงนี้!!!!!????? นั่นคือคำถามที่ ข้าพเจ้าเองก็ตอบไม่ได้....
ความแตกต่างกัน ทั้งทางกายภาพ คือ อาคาร สถานที่ จำนวน ครุ หรือแม้กระทั่ง อุปกรณืเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์
นี่ แล้วคุณภาพของผู้เรียนจะเป็นอย่างไร
Why they are so difference?????!!!!!?????
The school in Bangkok ,in big city like Surin , in small town like Prasat , and in the small village like Ban Kraset Thaworn are totally differences ....the number of students, teachers ...The buildings and technology-computers ....
หลังจากที่ไปเยี่ยมโรงเรียนสิรินธร กลับมา ดร.จีน ถามข้าพเจ้าว่า ถ้าหากมีโอกาสได้ย้ายไปโรงเรียนสิริรธร จะไปไหม....
ข้าพเจ้า ไม่ลังเลใจเลย ตอบไปทันที ว่า ไม่ เพราะว่า ที่นี่ โรงเรียนของข้าพเจ้า นักเรียนต้องการข้าพเจ้า พวกเขาต้องการครูสอนภาษาอังกฤษ ....เมื่อ ดร.จีน ฟังคำตอบ เขาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ....ความอบอุ่นจากหัวใจและจิตวิญญาณของความเป็นครู คงจะช่วยให้นักเรียน และการศึกษาไทยดีขึ้น
After we visited Sirindhon School .....She asked me question...if I have a chance to move to Sirindhon school in Surin ....Do I want to move there???
I said .....NO.....because , HERE, in my school my students need me - they need English teacher...I want to be here for my school and my students....After she listened to me her eyes were watering and we huged each other......the warmth of teacher's heart will help students I wish......
ข้าพเจ้าได้อะไร จากการที่มีชาวต่างประเทศมาเยี่ยมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนของข้าพเจ้าดีขึ้น
Did I gain anything from her that will make my school a better school, and I a better teacher?
คำตอบมีอยุ่มากมาย อย่างแรก ข้าพเจ้าได้ เทคนิคและวิธีการสอนที่หลากหลาย อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจ และเป็นสิ่งที่ฮิตในอเมริกา คือ การแสดงบทบาทสมมุติ โดยให้นักเรียนคิดถึงเรื่องใกล้ตัว นำเสนอ ข้อปัญหา พร้อมเสนอแนะวิธีการแก้ไขด้วย เรียกว่า อิมโพรวิเซชั่น เช่นการให้นักเรียนคดถึงปัญหาของโลก แล้วช่วยกันหา แนวทางแก้ไข.....สิ่งที่สำคัญครูควรใจเย็นและอดทน อีกทั้งต้องกระตุ้นเสริมแรงเพื่อให้นักเรียนได้กล้าแสดงออก
นอกจากนี้ นักเรียนที่มากับคณะต่างก็เตรียมผนการสอน หนังสือ ภาพยนต์ เกม และเพลง ต่างๆ มาร่วมเล่นกับนักเรียนของข้าพเจ้าด้วย
The answers are a lot !!!! First, I gain many techniques and methods how to teach students one is popular in America is teaching with roleplay - improvisations. For example students think about the problems in our world by their own idea and role play .....how to save our world.
Guest students have their own lesson plan,books,movies ,songs and game to shared with teachers and students
จากกิจกรรมนี้ ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจในโรงเรียนมากยิ่งขึ้น
Parents are sure in my school and want their kids study in my school.
นักเรียนได้เพื่อนใหม่ เรียนรู้การใช้อิเทอร์เน็ต การเขียน อี เมล์ สนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ และสามารถนำภาษาอังกฤษ มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย และที่สำคัญ ไดรู้ว่าภาษาอังกฤษนั้น มีความสำคัญขนาดไหน
My students have many new friends ,learn how to use internet, write e mail, and enjoy learning English. They know they can use English in their daily life and how important it is....
และขระนี้ พวกเราได ผู้อำนวยการคนใหม่ และมีคอมพิวเตอร์ที่ห้อง ซาวด์แลบแล้ว นะคะ
Now we have the school director and we have computer sound lab!!!!!!
วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551
วิธีเลือกซื้อ Dictionary สไตล์ครูเขมรัศมี
วิธีเลือกซื้อ Dictionary
มีนักเรียน และผู้ปกครองหลายคนถามว่า ถ้าจะซื้อ Dictionary สักเล่ม ( ไม่รวมถึง Talking Dictionary )จะซื้อแบบไหนดี ? แบบไทยเป็นอังกฤษ หรือ อังกฤษเป็นไทย หรือ อังกฤษเป็นอังกฤษ เล่มไหนดี ดูอย่างไรถึงจะรู้ว่าเล่มนี้ดี
ถามกันมาอย่างนี้ก็ดีแล้ค่ะ คำตอบคือ ถ้าเป็นนักเรียนที่ยังเล็กอยู่อาจใช้ picture Dictionary ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสนุกกับการดูภาพ ชี้ แล้วฝึกพูดคำศัพท์ แต่ถ้านักเรียนที่เริ่มชั้นประถมศึกษาตอนต้นก็อาจซื้อDictionary ที่มีการรวบรวมคำศัพท์ที่เหมาะสมกับระดับของเขากอนก็ได้นะคะ ส่วนนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย และชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็แนะนำให้ซื้อ อังกฤษ-ไทย และ ไทย - อังกฤษ เพื่อที่จะได้เรียนรู้และฝึกใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย และที่จะขอแนะว่าควรซื้อที่สุด คือแบบ อังกฤษเป็นอังกฤษ หลายคนตอบกลับมาว่า แล้วจะรู้เรื่องหรืเปล่า สำหรับผู้เริ่มต้น หรือ สำหรับผู้ไม่ค่อยเก่งภาษาอยู่แล้ว แล้วดูอย่างไรว่าดีหรือไม่ดี ?
คืออย่างนนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่รู้ หรือไม่เก่ง หรือ เก่งอยู่แล้ว หรืออะไรก็ได้ ในความคิดของข้าพเจ้าแล้ว ก็ยังคงต้องซื้อ Dictionary แบบ อังกฤษ เป็น อังกฤษ อยู่ดีค่ะ มีเหตุผลอยู่หลายประการคือ
1. เนื้อหาแน่นกว่ามาก ละเอียดกว่า เข้าใจได้มากกว่า เช่น มีตัวอย่างสำหรับคำนั้นๆให้มาด้วย ทำให้ทราบถึงความสำคัญอื่นๆของคำนั้นๆ ด้วย เช่น Wait แปลว่า รอ และมีประโยคตัวอย่างเช่น
I will wait for you. ทำให้รู้ว่า Wait ใช้กับ Preposition for
2. คำอธิบายศัพท์ เป็นคำง่ายๆ ไม่ยากเลย คุณจะเข้าใจได้ดีกว่าเป็นภาษาไทยซักอีก แถมบอกว่า เป็น Informal หรือ Formal ด้วยหรือ บอกว่า เป็นคำที่ใช้ทั่วๆไป หรือ ไม่ได้ใช้ทั่วๆไป
3. บอกความหมายได้หลายแบบ เช่น กรณีที่คำนี้เป็น Noun หรือ Verb หรือ Adjective, Adverb เนื่องจากหากชนิดของคำนั้นๆเปลี่ยนไป จะมีความหมายเปลี่ยนไปได้ พร้อมกันรูปแบบของคำนั้นๆในแต่ละรูปแบบ
4. หากคำนั้นสามารถทำเป็น Idiom ( Verb + Preposition ) ก็จะแสดงให้เห็นทุกคำพร้อมความหมายของ Idiom นั้นๆ เช่น Go แปลว่า ไป แต่ Go on แปลว่า ดำเนินต่อไป หรือ ทำต่อไป ( Continue ) Take แปลว่า เอามา แต่ Take off แปลว่า บินขึ้น ( เครื่องบิน ) หรือ ถอดออก ( เสื้อผ้า ) เป็นต้น
5. บอกคำเหมือน หรือคำตรงกับข้ามของคำนั้นๆได้ด้วย
6. บอกว่าคำนั้นเป็น นามนับได้หรือนับไม่ได้
7. บอกว่าหากเป็น Verb ช่องที่ 2 และ 3 จะเขียนเป็นอย่างไร
8. ส่วนใหญ่จะพิมพ์ด้วยสีมากกว่า 1 สี เช่น สีน้ำเงิน หรือ สีแดงด้วย เพื่อเน้นให้ดูชัดขึ้น
9. มีรูปภาพในกรณีที่อาจนึกภาพไม่ออก ( บางคำ )
10.ใช้อ้างอิงได้เลย เพราะเป็นของต่างประเทศ
ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ควรซื้อ แบบอังกฤษเป็นอังกฤษ สำหรับราคาก็ไม่แพงเลย เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่พิมพ์ที่จีน หรืออินเดีย คุณภาพก็ใช้ได้ ถามว่าซื้อที่เมืองไทยดี หรือซื้อที่เมืองนอกดี ตอบว่าซื้อเมืองไทยดีกว่า เพราะราคาถูกกว่า ( พอสมควรเลยทีเดียว )
ถ้าถามว่าดูอย่างไรว่าเล่มไหนดีหรือไม่ดี ตอบว่า ให้ดูที่ข้อดี 1-10 ข้อข้างต้นครับ นั้นคือ ดูว่ามีตรงตามที่บอกไว้ครบถ้วนหรือไม่ พิมพ์ชัดหรือไม่ แข็งแรงหรือไม่ ยับง่ายหรือไม่ เท่านั้นเอง ตอนนี้เคยเห็น Dictionary แบบ ไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งทำเลียนแบบข้อดีของแบบอังกฤษเป็นอังกฤษ แต่ยังไม่ดีพอ แถมแพงกว่าด้วย
มีนักเรียน และผู้ปกครองหลายคนถามว่า ถ้าจะซื้อ Dictionary สักเล่ม ( ไม่รวมถึง Talking Dictionary )จะซื้อแบบไหนดี ? แบบไทยเป็นอังกฤษ หรือ อังกฤษเป็นไทย หรือ อังกฤษเป็นอังกฤษ เล่มไหนดี ดูอย่างไรถึงจะรู้ว่าเล่มนี้ดี
ถามกันมาอย่างนี้ก็ดีแล้ค่ะ คำตอบคือ ถ้าเป็นนักเรียนที่ยังเล็กอยู่อาจใช้ picture Dictionary ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสนุกกับการดูภาพ ชี้ แล้วฝึกพูดคำศัพท์ แต่ถ้านักเรียนที่เริ่มชั้นประถมศึกษาตอนต้นก็อาจซื้อDictionary ที่มีการรวบรวมคำศัพท์ที่เหมาะสมกับระดับของเขากอนก็ได้นะคะ ส่วนนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย และชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็แนะนำให้ซื้อ อังกฤษ-ไทย และ ไทย - อังกฤษ เพื่อที่จะได้เรียนรู้และฝึกใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย และที่จะขอแนะว่าควรซื้อที่สุด คือแบบ อังกฤษเป็นอังกฤษ หลายคนตอบกลับมาว่า แล้วจะรู้เรื่องหรืเปล่า สำหรับผู้เริ่มต้น หรือ สำหรับผู้ไม่ค่อยเก่งภาษาอยู่แล้ว แล้วดูอย่างไรว่าดีหรือไม่ดี ?
คืออย่างนนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่รู้ หรือไม่เก่ง หรือ เก่งอยู่แล้ว หรืออะไรก็ได้ ในความคิดของข้าพเจ้าแล้ว ก็ยังคงต้องซื้อ Dictionary แบบ อังกฤษ เป็น อังกฤษ อยู่ดีค่ะ มีเหตุผลอยู่หลายประการคือ
1. เนื้อหาแน่นกว่ามาก ละเอียดกว่า เข้าใจได้มากกว่า เช่น มีตัวอย่างสำหรับคำนั้นๆให้มาด้วย ทำให้ทราบถึงความสำคัญอื่นๆของคำนั้นๆ ด้วย เช่น Wait แปลว่า รอ และมีประโยคตัวอย่างเช่น
I will wait for you. ทำให้รู้ว่า Wait ใช้กับ Preposition for
2. คำอธิบายศัพท์ เป็นคำง่ายๆ ไม่ยากเลย คุณจะเข้าใจได้ดีกว่าเป็นภาษาไทยซักอีก แถมบอกว่า เป็น Informal หรือ Formal ด้วยหรือ บอกว่า เป็นคำที่ใช้ทั่วๆไป หรือ ไม่ได้ใช้ทั่วๆไป
3. บอกความหมายได้หลายแบบ เช่น กรณีที่คำนี้เป็น Noun หรือ Verb หรือ Adjective, Adverb เนื่องจากหากชนิดของคำนั้นๆเปลี่ยนไป จะมีความหมายเปลี่ยนไปได้ พร้อมกันรูปแบบของคำนั้นๆในแต่ละรูปแบบ
4. หากคำนั้นสามารถทำเป็น Idiom ( Verb + Preposition ) ก็จะแสดงให้เห็นทุกคำพร้อมความหมายของ Idiom นั้นๆ เช่น Go แปลว่า ไป แต่ Go on แปลว่า ดำเนินต่อไป หรือ ทำต่อไป ( Continue ) Take แปลว่า เอามา แต่ Take off แปลว่า บินขึ้น ( เครื่องบิน ) หรือ ถอดออก ( เสื้อผ้า ) เป็นต้น
5. บอกคำเหมือน หรือคำตรงกับข้ามของคำนั้นๆได้ด้วย
6. บอกว่าคำนั้นเป็น นามนับได้หรือนับไม่ได้
7. บอกว่าหากเป็น Verb ช่องที่ 2 และ 3 จะเขียนเป็นอย่างไร
8. ส่วนใหญ่จะพิมพ์ด้วยสีมากกว่า 1 สี เช่น สีน้ำเงิน หรือ สีแดงด้วย เพื่อเน้นให้ดูชัดขึ้น
9. มีรูปภาพในกรณีที่อาจนึกภาพไม่ออก ( บางคำ )
10.ใช้อ้างอิงได้เลย เพราะเป็นของต่างประเทศ
ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ควรซื้อ แบบอังกฤษเป็นอังกฤษ สำหรับราคาก็ไม่แพงเลย เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่พิมพ์ที่จีน หรืออินเดีย คุณภาพก็ใช้ได้ ถามว่าซื้อที่เมืองไทยดี หรือซื้อที่เมืองนอกดี ตอบว่าซื้อเมืองไทยดีกว่า เพราะราคาถูกกว่า ( พอสมควรเลยทีเดียว )
ถ้าถามว่าดูอย่างไรว่าเล่มไหนดีหรือไม่ดี ตอบว่า ให้ดูที่ข้อดี 1-10 ข้อข้างต้นครับ นั้นคือ ดูว่ามีตรงตามที่บอกไว้ครบถ้วนหรือไม่ พิมพ์ชัดหรือไม่ แข็งแรงหรือไม่ ยับง่ายหรือไม่ เท่านั้นเอง ตอนนี้เคยเห็น Dictionary แบบ ไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งทำเลียนแบบข้อดีของแบบอังกฤษเป็นอังกฤษ แต่ยังไม่ดีพอ แถมแพงกว่าด้วย
วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551
บทแผ่เมตตาแปลเป็นภาษาอังกฤษ
บทแผ่เมตตาแปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
May all beings be free from hatred.
อัพยาปัชฌา โหนตุ
May they be free from violence.
อะนีฆา โหนตุ
May they be free from affliction.
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
May they be happy and protected from danger.
จากหนังสือสวดมนต์ของวัดพุทธธรรม ชิคาโก
แปลโดย Dr. Sunthorn Plamintr,Ph.D. ค่ะ
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
May all beings be free from hatred.
อัพยาปัชฌา โหนตุ
May they be free from violence.
อะนีฆา โหนตุ
May they be free from affliction.
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
May they be happy and protected from danger.
จากหนังสือสวดมนต์ของวัดพุทธธรรม ชิคาโก
แปลโดย Dr. Sunthorn Plamintr,Ph.D. ค่ะ
วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551
Best Practice การสอนภาษาอังกฤษ
1.ชื่อผลงาน : การสอนภาษาอังกฤษโดยการใช้เกมจำลองสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน
2. ชื่อเจ้าของผลงาน : นางเขมรัศมี สุบันนารถ ครูโรงเรียนประสาทวิทยาคาร
3. เกริ่นที่มา : จากทฤษฎีว่าด้วยระบบของภาษา“ความหมายเป็นหัวใจของภาษา ไวยากรณ์และเสียงเป็นเพียงส่วนประกอบ และสถานการณ์เป็นสิ่งกำหนดความหมายในการสื่อสาร” การสอนภาษาอังกฤษโดยใช้สถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ คือการนำเอาสถานการณ์จริงจำลองหรือจัดใหม่ แต่พยายามให้มีสภาพใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด แล้วให้ผู้เรียนอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือปฏิบัติงาน การจัดการเรียนรู้แบบสถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกการแก้ปัญหา การควบคุมสถานการณ์ การตัดสินใจ ตลอดจนการทำงานเป็นกลุ่ม ภายใต้สภาพแวดล้อมสมจริง ทักษะที่ได้รับจากการฝึกฝน จะทำให้ผู้เรียนคุ้นเคย และเมื่อพบกับสถานการณ์คล้ายๆกัน ก็สามารถ ควบคุมสถานการณ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นผู้สอนยังสามารถจัดสถานการณ์จำลองแบบเกมได้อีกด้วย เรียกว่า เกมจำลองสถานการณ์
4. ผลสำเร็จ : จากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีความสุขในการเรียน มีคุณธรรมจริยธรรม มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก ตลอดจนภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง และที่สำคัญผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นตัวของตนเอง
5. ผลการได้รับการยกย่อง : ได้รับคำชมเชยจากการเผยแพร่ผลงานในการสัมมนานักศึกษา ทุนมูลนิธิโรเกชั่น ครั้งที่ 5 ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี วันที่ 20-22 ตุลาคม 2550
6.กิจกรรม / วิธีการ / ขั้นตอนที่สำคัญ : ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน
1.เริ่มที่สังเกตบุคลิกภาพผู้เรียน เลือกเนื้อหาที่คิดว่าเหมาะสมกับผู้เรียน และผู้เรียนชอบ
2.สอนเนื้อหาอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดกับผู้เรียน
3.ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร ก็จะจำลองสถานการณ์ที่ผู้เรียนสนใจ พยายามสอดแทรกคำศัพท์
บทสนทนา แล้วสรุปความรู้ให้ผู้เรียนเป็นอย่างนี้ตลอด
4.จากการสังเกตวิธีการสอนแบบนี้ จะเห็นว่าความสนใจในการเรียน บรรยากาศการเรียนรู้
ผู้เรียนมีความสุข และผลการเรียนดีขึ้น
5.นอกจากนี้จะใช้วิธีสอนคำศัพท์ที่เชื่อมโยง ไปยังภาษาพื้นถิ่นของผู้เรียนแต่ละคนทำให้
ตรงกับบุคลิกภาพ และรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม ผู้เรียนจึงมีทัศนคติที่ดีต่อครูและวิชาภาษาอังกฤษ
6.บทบาทสมมตินั้น ก็จะดูว่าผู้เรียนมีพฤติกรรม ชอบแสดงออกอย่างไร ก็ให้เขานำเสนอตัวเองอย่างนั้น โดยใช้คำศัพท์ตรงกับบุคลิกท่าทางของเขา
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ :ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ประกอบด้วย
ก.บทบาทของผู้สอน
1.ครูผู้สอนจะใช้เวลาส่วนมากคลุกคลีอยู่ กับ ผู้เรียนให้ความเป็นกันเอง กับ ผู้เรียนแล้วพยายามสังเกตพฤติกรรม บุคลิกภาพของผู้เรียนแต่ละคน
2.ครูผู้สอนกลับมานั่งคิด เนื้อหาความรู้ ที่จะให้ผู้เรียนแต่ละคน เพื่อจะให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของผู้เรียน
3. ผู้สอนจะจัดบรรยากาศในห้องเรียนให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้าน การเรียนไม่เคร่งครัดหรือเป็นพิธี รีตรอง จากนั้นให้ผู้เรียนเข้ากลุ่มตามความสนใจของผู้เรียน ครูผู้สอนอาจสมมุติให้แต่ละกลุ่มคือหมู่บ้าน แต่ละคนก็จะมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน อบต. หรือบางคนสมมุติตนเองเป็นแฟนกับชาวต่างชาติ
4. การตรวจสอบว่าผู้เรียนได้เรียนรู้หรือไม่ ทำได้โดย การสังเกต การให้แสดงบทบาทสมมุติ หน้าห้องเรียน ขณะที่ครูให้ความรู้ หรือนักเรียนแสดงบทบาทสมมุตินั้น ครูก็ได้สังเกตพฤตกรรมว่าผู้เรียนมีความสุข มีเจตคติ ทัศนคติ ในการเรียนเป็นอย่างไร สังเกต การใช้ภาษาหรือคำศัพท์ เมื่อผู้เรียนมีข้อติดขัด หรือข้อปัญหา ครูก็ให้คำชี้แนะ แก้ไขทันที โดยไม่ปล่อยให้ผ่านไป
5.ครูพยายามส่งเสริมและเสริมแรงให้ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในตนเองและสนใจในการเรียน โดยไม่บังคับให้ทำซึ่งดูเหมือนกับว่าบังคับให้เรียน แต่ให้ผู้เรียนทำโดยสมัครใจ และสอนเรื่องใกล้ตัว ที่นักเรียนเห็นความสำคัญให้ความเป็นกันเอง
ข.บทบาทของผู้เรียน
1.ผู้เรียนคุ้นเคยกับครูผู้สอน จึงไม่เขินอาย และกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย ทำให้เห็นบุคลิกภาพ หรือความเป็นตัวของตนเอง
2. ผู้เรียนเห็นความสำคัญของการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เพราะภาษาอังกฤษมี ความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน เมื่อเรียนแล้วก็สามารถใช้ได้จริง
3.เมื่อมีข้อปัญหา ผู้เรียนต้องกล้าซักถามผู้สอนและฝึกฝนให้เกิดทักษะ เช่น ออกเสียงคำว่า rice ( ข้าว ) กับคำว่า lice ( เหา )
บทเรียนที่ได้รับ : จากการใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษโดยการใช้การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกของผู้เรียน ผู้สอนได้ข้อค้นพบดังนี้
1.ถ้าผู้เรียนมีจำนวนมาก การเข้าไปใกล้ชิด ผู้เรียนอาจไม่ทั่วถึง แก้ปัญหาโดยไม่จำเป็นต้องเรียนพร้อมกันหมด แต่ควรกำหนดให้ผู้เรียนมาพบครูผู้สอนได้ โดยครูผู้สอนกำหนดตารางการพบครูผู้สอน
2.หลังจากมีโอกาสคลุกคลีกับผู้เรียน ทำให้รู้ว่า ผู้เรียนมีพื้นฐานการใช้ภาษาอังกฤษไม่เท่ากัน แม้ว่าจะเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้แต่ก็มีวิธีแก้ไขโดย แยกความยากง่าย ของคำศัพท์ อีกทั้งไม่ควรไปเน้นเรื่องไวยากรณ์มากนัก แต่จะพยายามทำให้ผู้เรียนกล้าพูดก่อน เช่น พูดภาษาอังกฤษผสมกับภาษาไทย และภาษาท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ และดึงดูดความใจในการเรียน และผู้เรียนมีความสุข
3.เมื่อผู้เรียนมีความพร้อม ครูผู้สอนจึงพาผู้เรียนไปเผชิญปัญหา สถานการณ์จริง โดยครูคอยเป็นพี่เลี้ยง และทำให้ผู้เรียนรู้สึกอุ่นใจ แล้วจะทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจที่จะพูด เช่น พานักเรียน ไปทัศนศึกษาพิธีเลี้ยงช้างของจังหวัดสุรินทร์ แล้วให้ผู้เรียนไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ โดยครูผู้สอนจะอยู่ประจำที่ ณ จุดใด จุดหนึ่ง เมื่อผู้เรียนมีข้อปัญหา หรือติดขัดในเรื่องใด ก็สามารถวิ่งมาถามได้ ทำให้มีความรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในการแก้ไขสถานการณ์ หรือพูดคุยสนทนา
7. ข้อจำกัดในการใช้ : ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ผู้สอนต้องพบกับข้อจำกัดหลายอย่าง คือ
-ผู้สอนมีภาระงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย ทำให้ไม่มีเวลาคลุกคลีกับผู้เรียน
-ผู้เรียนมีชั่วโมงเรียนในแต่ละวันเต็มหมด จึงมีโอกาสพบผู้สอนน้อย
- การฝึกสถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ ควรเป็นสถานการณ์ใกล้ตัว และบทสนทนาสั้น ๆ จากง่ายไปหายาก
8. คำสำคัญ -ใช้เกมอย่างไรให้ตรงบุคลิกภาพผู้เรียน
- การจำลองสถานการณ์
-บทบาทสมมุติ
9. วันที่นำส่ง 8 มกราคม 2551
10.ผู้นำส่ง นางเขมรัศมี สุบันนารถ
11. หน่วยงาน โรงเรียนประสาทวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์เขต 3
12.โทรศัพท์ 089-848-1436
13. e mail : pasaplaza@gmail.com , หรือ http://www.pasaplaza.blogspot.com
2. ชื่อเจ้าของผลงาน : นางเขมรัศมี สุบันนารถ ครูโรงเรียนประสาทวิทยาคาร
3. เกริ่นที่มา : จากทฤษฎีว่าด้วยระบบของภาษา“ความหมายเป็นหัวใจของภาษา ไวยากรณ์และเสียงเป็นเพียงส่วนประกอบ และสถานการณ์เป็นสิ่งกำหนดความหมายในการสื่อสาร” การสอนภาษาอังกฤษโดยใช้สถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ คือการนำเอาสถานการณ์จริงจำลองหรือจัดใหม่ แต่พยายามให้มีสภาพใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด แล้วให้ผู้เรียนอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือปฏิบัติงาน การจัดการเรียนรู้แบบสถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกการแก้ปัญหา การควบคุมสถานการณ์ การตัดสินใจ ตลอดจนการทำงานเป็นกลุ่ม ภายใต้สภาพแวดล้อมสมจริง ทักษะที่ได้รับจากการฝึกฝน จะทำให้ผู้เรียนคุ้นเคย และเมื่อพบกับสถานการณ์คล้ายๆกัน ก็สามารถ ควบคุมสถานการณ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นผู้สอนยังสามารถจัดสถานการณ์จำลองแบบเกมได้อีกด้วย เรียกว่า เกมจำลองสถานการณ์
4. ผลสำเร็จ : จากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีความสุขในการเรียน มีคุณธรรมจริยธรรม มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก ตลอดจนภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง และที่สำคัญผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นตัวของตนเอง
5. ผลการได้รับการยกย่อง : ได้รับคำชมเชยจากการเผยแพร่ผลงานในการสัมมนานักศึกษา ทุนมูลนิธิโรเกชั่น ครั้งที่ 5 ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี วันที่ 20-22 ตุลาคม 2550
6.กิจกรรม / วิธีการ / ขั้นตอนที่สำคัญ : ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน
1.เริ่มที่สังเกตบุคลิกภาพผู้เรียน เลือกเนื้อหาที่คิดว่าเหมาะสมกับผู้เรียน และผู้เรียนชอบ
2.สอนเนื้อหาอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดกับผู้เรียน
3.ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร ก็จะจำลองสถานการณ์ที่ผู้เรียนสนใจ พยายามสอดแทรกคำศัพท์
บทสนทนา แล้วสรุปความรู้ให้ผู้เรียนเป็นอย่างนี้ตลอด
4.จากการสังเกตวิธีการสอนแบบนี้ จะเห็นว่าความสนใจในการเรียน บรรยากาศการเรียนรู้
ผู้เรียนมีความสุข และผลการเรียนดีขึ้น
5.นอกจากนี้จะใช้วิธีสอนคำศัพท์ที่เชื่อมโยง ไปยังภาษาพื้นถิ่นของผู้เรียนแต่ละคนทำให้
ตรงกับบุคลิกภาพ และรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม ผู้เรียนจึงมีทัศนคติที่ดีต่อครูและวิชาภาษาอังกฤษ
6.บทบาทสมมตินั้น ก็จะดูว่าผู้เรียนมีพฤติกรรม ชอบแสดงออกอย่างไร ก็ให้เขานำเสนอตัวเองอย่างนั้น โดยใช้คำศัพท์ตรงกับบุคลิกท่าทางของเขา
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ :ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ประกอบด้วย
ก.บทบาทของผู้สอน
1.ครูผู้สอนจะใช้เวลาส่วนมากคลุกคลีอยู่ กับ ผู้เรียนให้ความเป็นกันเอง กับ ผู้เรียนแล้วพยายามสังเกตพฤติกรรม บุคลิกภาพของผู้เรียนแต่ละคน
2.ครูผู้สอนกลับมานั่งคิด เนื้อหาความรู้ ที่จะให้ผู้เรียนแต่ละคน เพื่อจะให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของผู้เรียน
3. ผู้สอนจะจัดบรรยากาศในห้องเรียนให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้าน การเรียนไม่เคร่งครัดหรือเป็นพิธี รีตรอง จากนั้นให้ผู้เรียนเข้ากลุ่มตามความสนใจของผู้เรียน ครูผู้สอนอาจสมมุติให้แต่ละกลุ่มคือหมู่บ้าน แต่ละคนก็จะมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน อบต. หรือบางคนสมมุติตนเองเป็นแฟนกับชาวต่างชาติ
4. การตรวจสอบว่าผู้เรียนได้เรียนรู้หรือไม่ ทำได้โดย การสังเกต การให้แสดงบทบาทสมมุติ หน้าห้องเรียน ขณะที่ครูให้ความรู้ หรือนักเรียนแสดงบทบาทสมมุตินั้น ครูก็ได้สังเกตพฤตกรรมว่าผู้เรียนมีความสุข มีเจตคติ ทัศนคติ ในการเรียนเป็นอย่างไร สังเกต การใช้ภาษาหรือคำศัพท์ เมื่อผู้เรียนมีข้อติดขัด หรือข้อปัญหา ครูก็ให้คำชี้แนะ แก้ไขทันที โดยไม่ปล่อยให้ผ่านไป
5.ครูพยายามส่งเสริมและเสริมแรงให้ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในตนเองและสนใจในการเรียน โดยไม่บังคับให้ทำซึ่งดูเหมือนกับว่าบังคับให้เรียน แต่ให้ผู้เรียนทำโดยสมัครใจ และสอนเรื่องใกล้ตัว ที่นักเรียนเห็นความสำคัญให้ความเป็นกันเอง
ข.บทบาทของผู้เรียน
1.ผู้เรียนคุ้นเคยกับครูผู้สอน จึงไม่เขินอาย และกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย ทำให้เห็นบุคลิกภาพ หรือความเป็นตัวของตนเอง
2. ผู้เรียนเห็นความสำคัญของการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เพราะภาษาอังกฤษมี ความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน เมื่อเรียนแล้วก็สามารถใช้ได้จริง
3.เมื่อมีข้อปัญหา ผู้เรียนต้องกล้าซักถามผู้สอนและฝึกฝนให้เกิดทักษะ เช่น ออกเสียงคำว่า rice ( ข้าว ) กับคำว่า lice ( เหา )
บทเรียนที่ได้รับ : จากการใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษโดยการใช้การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกของผู้เรียน ผู้สอนได้ข้อค้นพบดังนี้
1.ถ้าผู้เรียนมีจำนวนมาก การเข้าไปใกล้ชิด ผู้เรียนอาจไม่ทั่วถึง แก้ปัญหาโดยไม่จำเป็นต้องเรียนพร้อมกันหมด แต่ควรกำหนดให้ผู้เรียนมาพบครูผู้สอนได้ โดยครูผู้สอนกำหนดตารางการพบครูผู้สอน
2.หลังจากมีโอกาสคลุกคลีกับผู้เรียน ทำให้รู้ว่า ผู้เรียนมีพื้นฐานการใช้ภาษาอังกฤษไม่เท่ากัน แม้ว่าจะเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้แต่ก็มีวิธีแก้ไขโดย แยกความยากง่าย ของคำศัพท์ อีกทั้งไม่ควรไปเน้นเรื่องไวยากรณ์มากนัก แต่จะพยายามทำให้ผู้เรียนกล้าพูดก่อน เช่น พูดภาษาอังกฤษผสมกับภาษาไทย และภาษาท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ และดึงดูดความใจในการเรียน และผู้เรียนมีความสุข
3.เมื่อผู้เรียนมีความพร้อม ครูผู้สอนจึงพาผู้เรียนไปเผชิญปัญหา สถานการณ์จริง โดยครูคอยเป็นพี่เลี้ยง และทำให้ผู้เรียนรู้สึกอุ่นใจ แล้วจะทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจที่จะพูด เช่น พานักเรียน ไปทัศนศึกษาพิธีเลี้ยงช้างของจังหวัดสุรินทร์ แล้วให้ผู้เรียนไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ โดยครูผู้สอนจะอยู่ประจำที่ ณ จุดใด จุดหนึ่ง เมื่อผู้เรียนมีข้อปัญหา หรือติดขัดในเรื่องใด ก็สามารถวิ่งมาถามได้ ทำให้มีความรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในการแก้ไขสถานการณ์ หรือพูดคุยสนทนา
7. ข้อจำกัดในการใช้ : ของการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การจำลองสถานการณ์ บทบาทสมมุติให้ตรงกับบุคลิกภาพของผู้เรียน ผู้สอนต้องพบกับข้อจำกัดหลายอย่าง คือ
-ผู้สอนมีภาระงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย ทำให้ไม่มีเวลาคลุกคลีกับผู้เรียน
-ผู้เรียนมีชั่วโมงเรียนในแต่ละวันเต็มหมด จึงมีโอกาสพบผู้สอนน้อย
- การฝึกสถานการณ์จำลอง บทบาทสมมุติ ควรเป็นสถานการณ์ใกล้ตัว และบทสนทนาสั้น ๆ จากง่ายไปหายาก
8. คำสำคัญ -ใช้เกมอย่างไรให้ตรงบุคลิกภาพผู้เรียน
- การจำลองสถานการณ์
-บทบาทสมมุติ
9. วันที่นำส่ง 8 มกราคม 2551
10.ผู้นำส่ง นางเขมรัศมี สุบันนารถ
11. หน่วยงาน โรงเรียนประสาทวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์เขต 3
12.โทรศัพท์ 089-848-1436
13. e mail : pasaplaza@gmail.com , หรือ http://www.pasaplaza.blogspot.com
สืบเนื่องจากการสนทนากับท่าน ศน.เฉลิมชัย
ก่อนอื่นก็ขอขอบพระคุณท่าน ศน.เฉลิมชัยที่แนะนำให้รุ้จักกับ http://www.krusurin.net/ และชักชวนให้สร้างblog จึงเกิดเป็น blog ภาษาพลาซ่า นี้ขึ้นมา
เคยมีคนถามว่าไปอเมริกากลับมาได้อะไรมาบ้าง คำตอบคือเยอะมาก ประสบการณ์ชีวิต ครั้งหนึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน 1 ปี ในฐานะ นักการศึกษา ครู และ นักเรียนทุน มูลนิธิโรเกชั่น
ในฐานะครูและนักการศึกษา ก็ต้องเรียนรู้การทำงานจากพวกครูชาวอเมริกาว่าเขาทำงานอย่างไร สอนนักเรียนเขาอย่างไรให้มีคุณภาพ
ในฐานะของนักเรียนทุนมูลนิธิโรเกชั่น ก็ต้องพยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤาและเทคนิคการสอนแบบต่าง ๆเพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนที่ข้าพเจ้าต้องกลับมาทำงานในโรงเรียน
จากการทำงานที่ North Coast Preparatory and Performing Arts Academy (NPA) ได้เรียนรู้ว่า ก่อนการทำงานใดๆจะมีการวางแผน และคำนึงถึงผลกระทบและการคุ้มค่าต่อการลงทุน เวลาและโอกาส
ก่อนที่โรงเรียนจะเปิด มีการประชุมวางแผนกันอย่างจริงจัง ประมาณ 3 วัน ทีแรกข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไร ประชุมตั้ง 3 วัน แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว 3วัน แทบไม่พอเพราะครูทุกคนล้วนแต่มีข้อมูลที่อยากให้ต้องการพูดในงาน วิชาที่ตนเองสอน
เอาไว้คุยต่อตอนต่อไปนะคะ
เคยมีคนถามว่าไปอเมริกากลับมาได้อะไรมาบ้าง คำตอบคือเยอะมาก ประสบการณ์ชีวิต ครั้งหนึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน 1 ปี ในฐานะ นักการศึกษา ครู และ นักเรียนทุน มูลนิธิโรเกชั่น
ในฐานะครูและนักการศึกษา ก็ต้องเรียนรู้การทำงานจากพวกครูชาวอเมริกาว่าเขาทำงานอย่างไร สอนนักเรียนเขาอย่างไรให้มีคุณภาพ
ในฐานะของนักเรียนทุนมูลนิธิโรเกชั่น ก็ต้องพยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤาและเทคนิคการสอนแบบต่าง ๆเพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนที่ข้าพเจ้าต้องกลับมาทำงานในโรงเรียน
จากการทำงานที่ North Coast Preparatory and Performing Arts Academy (NPA) ได้เรียนรู้ว่า ก่อนการทำงานใดๆจะมีการวางแผน และคำนึงถึงผลกระทบและการคุ้มค่าต่อการลงทุน เวลาและโอกาส
ก่อนที่โรงเรียนจะเปิด มีการประชุมวางแผนกันอย่างจริงจัง ประมาณ 3 วัน ทีแรกข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไร ประชุมตั้ง 3 วัน แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว 3วัน แทบไม่พอเพราะครูทุกคนล้วนแต่มีข้อมูลที่อยากให้ต้องการพูดในงาน วิชาที่ตนเองสอน
เอาไว้คุยต่อตอนต่อไปนะคะ
อบรมการเขียน blog และ การใช้ google
วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ข้าพเจ้าก็มาอบรมที่ห้อง KM ห้องนี้คือแหล่งเรียนรู้ที่เราชอบมากเลย มี internet and computer
พูดถึง internet and computer นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนการสอนในปัจจุบัน พวกเราจะเห็นว่านั่นคือสิ่งที่มีประโยชน์มาก มีหลายwebsite ที่มีแผนการสอนหรือสื่อการสอนให้ Download เดี๋ยวมีเวลาว่างจะมาเติมบทความที่เคยเขียนไว้
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่ อเมริกาก็มีเวลาว่าง ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เอาไว้ว่าจะมาเล่าและแบ่งปันประสบการณ์เพื่อประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับการศึกษาของประเทศไทยนะคะ
พูดถึง internet and computer นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนการสอนในปัจจุบัน พวกเราจะเห็นว่านั่นคือสิ่งที่มีประโยชน์มาก มีหลายwebsite ที่มีแผนการสอนหรือสื่อการสอนให้ Download เดี๋ยวมีเวลาว่างจะมาเติมบทความที่เคยเขียนไว้
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่ อเมริกาก็มีเวลาว่าง ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เอาไว้ว่าจะมาเล่าและแบ่งปันประสบการณ์เพื่อประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับการศึกษาของประเทศไทยนะคะ
วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551
website ที่น่าสนใจ
ผู้เขียนได้รวม website ที่ชาวไกลบ้าน แนะนำให้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
หมวดที่ 1: หมวด website เกี่ยวกับภาษา : แบ่งย่อยเป็น
- หมวด Dictionary คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย รวบรวม online dictionary มีหลายภาษา
- หมวดฝึก พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ(และภาษาอื่นๆ)
ฝึก พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น
- หมวดอื่นๆ เว็บเกี่ยวกับภาษาอื่นๆ เช่นแปลภาษา / หา synonym, antonym
หมวดที่ 1: หมวด website เกี่ยวกับภาษา : แบ่งย่อยเป็น
- หมวด Dictionary คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย รวบรวม online dictionary มีหลายภาษา
- หมวดฝึก พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ(และภาษาอื่นๆ)
ฝึก พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น
- หมวดอื่นๆ เว็บเกี่ยวกับภาษาอื่นๆ เช่นแปลภาษา / หา synonym, antonym
ป้ายกำกับ:
เวบไซต์ที่น่าสนใจ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)